เครื่องชาร์จสำหรับบ้านอาศัย

❓ Q1: โหลดไฟฟ้าในบ้านคืออะไร และมีผลต่อการติดตั้งเครื่องชาร์จอย่างไร?

✅ A1: โหลดไฟฟ้าคือ “ปริมาณไฟฟ้าที่อุปกรณ์ใช้รวมกัน” ถ้าเปิดหลายเครื่องพร้อมกัน โหลดก็จะสูงขึ้น เช่น เปิดแอร์ + ไมโครเวฟ + ชาร์จรถ EV อาจทำให้ไฟเกินพิกัดบ้าน → เบรกเกอร์ตัดหรือไฟดับได้ ดังนั้นการรู้โหลดรวมจึงสำคัญมาก

 

❓ Q2: เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ กินไฟเท่าไร?

✅ A2: ตัวอย่างโหลดและกระแสไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ที่แรงดัน 220V):

อุปกรณ์	ขนาด / รุ่น	กำลังไฟ (W)	กระแส (A)	หมายเหตุ
แอร์ 12,000 BTU	1 ตัน	~1,200 W	~5.5 A	แอร์อินเวอร์เตอร์กินไฟน้อยกว่านี้ได้
แอร์ 18,000 BTU	1.5 ตัน	~1,800 W	~8.2 A	เปิด 2 เครื่องพร้อมกันโหลดสูง
แอร์ 24,000 BTU	2 ตัน	~2,500 W	~11.4 A	ใช้ไฟมาก ควรแยกเบรกเกอร์
ไมโครเวฟ	1,000 W	~1,000 W	~4.5 A	ใช้งานช่วงสั้น
ไมโครเวฟ	1,500 W	~1,500 W	~6.8 A	รุ่นใหญ่ ใช้ไฟมากขึ้น
ตู้เย็น	10 คิว	~300 W	~1.4 A	เปิด–ปิดคอมเพรสเซอร์ตามรอบ
ตู้เย็น	20 คิว	~500 W	~2.3 A	ขนาดใหญ่กว่า ใช้ไฟมากขึ้น
เครื่องทำน้ำอุ่น	4,000 W	~4,000 W	~18 A	โหลดสูง ใช้ไฟทันที
เครื่องชาร์จ EV	7 kW (32A)	7,000 W	~32 A	ต้องใช้วงจรไฟแยกเฉพาะ

❓ Q3: ถ้าจะติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ขนาด 7kW (32A) ต้องทำอะไรบ้าง?

✅ A3:

1. ตรวจขนาดมิเตอร์ไฟ – ถ้าเป็นมิเตอร์ 5(15)A หรือ 15(45)A → จำเป็นต้องขอเพิ่มเป็น 30(100)A

2. ติดตั้งวงจรสอง – เดินสายไฟเฉพาะสำหรับเครื่องชาร์จจากมิเตอร์การไฟฟ้า

3. ใช้เบรกเกอร์ขนาดเหมาะสม – อย่างน้อย 40A พร้อมกันดูด (RCD หรือ RCBO)

4. ตรวจสอบโหลดรวม – ถ้าอุปกรณ์ในบ้านใช้ไฟสูงมาก อาจต้องปรับปรุงระบบไฟเพิ่ม

❓ Q4: ต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนติดตั้งจริง?

✅ A4:

• ตรวจสอบมิเตอร์ไฟบ้าน บ้านทั่วไปอาจมีมิเตอร์ 5(15)A หรือ 15(45)A การไฟฟ้าจึงแนะนำให้ใช้มิเตอร์ขนาดอย่างน้อย 30(100)A และให้เดินสายไฟวงจร 2 สำหรับเครื่องชาร์จโดยเฉพาะ

• ให้ช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตตรวจสอบระบบสายดินและเดินวงจร 2 หากจำเป็น

• เลือกตำแหน่งติดตั้งเครื่องชาร์จที่ใกล้รถและใช้เครื่องชาร์จที่กันน้ำได้ (มาตรฐาน IP65)

• ใช้เครื่องชาร์จ Teison รุ่นโหลดบาลานซ์ CT-CLAMP มาช่วยปรับลดกระแสชาร์จให้อัตโนมัติเมื่อการใช้ไฟฟ้าเกินพิกัดสูงสุดของมิเตอร์การไฟฟ้าฯ

• นอกจากนี้อาจเลือกชาร์จรถช่วงกลางคืนหรือเวลาที่ใช้ไฟในบ้านต่ำ เพื่อลดโอกาสไฟไม่พอ

❓ Q5: ระบบ Load Balance และ CT Clamp คืออะไร ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร?

✅ A5: CT Clamp (Current Transformer) เป็นเซ็นเซอร์ติดกับสายไฟหลักของบ้าน เพื่อวัดกระแสไฟฟ้าและโหลดรวมแบบเรียลไทม์ ระบบโหลดบาลานซ์จะนำข้อมูลจาก CT Clamp มาเปรียบเทียบกับขีดจำกัดของระบบ หากโหลดรวมในบ้านใกล้ถึงสูงสุด ระบบจะลดกระแสที่จ่ายให้เครื่องชาร์จลงให้อัตโนมัติ วิธีนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เบรกเกอร์ตัดเวลาชาร์จ และทำให้การชาร์จรถทำได้เสถียรโดยไม่ over-load (เปรียบเสมือนผู้คุมคอยจัดการไม่ให้มีการใช้ไฟเกินพิกัด) ประโยชน์คือช่วยให้บ้านที่มีโหลดสูงสามารถชาร์จรถไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย เช่น ชาร์จได้เต็มกำลังที่ระบบรองรับ โดยไม่ทำให้ไฟดับหรือเบรกเกอร์ทริป

❓ Q6: ถ้าเปิดแอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น + ชาร์จรถ EV พร้อมกัน จะเกิดอะไรขึ้น?

✅ A6:

• โหลดรวมจะเกินพิกัด เช่น

  • แอร์ 2 ตัว = 2,400 W (~11 A)

  • เครื่องทำน้ำอุ่น = 4,000 W (~18 A)

  • ชาร์จรถ EV = 7,000 W (~32 A)
    👉 รวม ~13.4 kW (~61 A) ซึ่งเกินขนาดมิเตอร์บ้านทั่วไป → เบรกเกอร์ตัดทันที

• แต่ถ้าใช้ CT Clamp Load Balance → เครื่องชาร์จจะลดกระแสลง เช่น เหลือ 16A → ทำให้ไฟไม่เกิน แต่การชาร์จรถจะช้าลง

✅ คำแนะนำเชิงปฏิบัติ

• ถ้าคุณ จะติดตั้งเครื่องชาร์จ 7 kW (32A) และบ้านมีมิเตอร์การไฟฟ้า 15/45A จะติดตั้งได้โดยต้องไม่ให้กระแสรวมเกิน 45A

• แต่ถ้าต้องการใช้ไฟฟ้ามากใกล้กับ 45A และต้องการความยืดหยุ่นในการใช้ไฟฟ้า แนะนำเพิ่ม มิเตอร์ 100A (หรือ 3 เฟส) โดยเฉพาะบ้านที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นหรือแอร์หลายตัวพร้อมกัน และเดินสายไฟวงจร 2 สำหรับเครื่องชาร์จโดยเฉพาะ

• ถ้าต้องการลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ขยายมิเตอร์: ติดตั้ง เครื่องชาร์จ Teison รุ่นโหลดบาลานซ์ CT Clamp  → เครื่องชาร์จจะปรับกระแสอัตโนมัติเมื่อโหลดบ้านเพิ่ม ลดโอกาสเบรกเกอร์ทริป แต่การชาร์จอาจจะช้าลงเมื่อมีอุปกรณ์ใช้ไฟสูงพร้อมกัน

• ควรให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพคำนวณขนาดสายไฟตามกระแสไฟฟ้าและระยะจริงและมาตรฐาน มอก./IEC

• เบรกเกอร์วงจรเครื่องชาร์จ: ใช้ เบรกเกอร์ขนาด 40A (เผื่อ 125% สำหรับโหลดต่อเนื่อง) สำหรับเครื่องชาร์จ และ ติดตั้ง RCD Type A เพื่อกันไฟดูดด้าน AC (ในเครื่องชาร์จจะมี RCD Type B อีกชั้นเพื่อป้องกับไฟดูดที่หัวชาร์จ (AC+DC)